ไปเจอบทความดีๆ เกี่ยวกับความรู้เรื่องเลนส์ของกล้องถ่ายรูป ในฐานะผู้เริ่มศึกษา
ก็ต้องขอคัดลอกเพื่อไว้ช่วยจำครับ
............................................................................................................
รหัสอันแรก AF ก็มาจาก
ออโต้โฟกัส ส่วนถ้าแมนนวลจะเป็น MF ซึ่งก็คือ ปรับโฟกัสแบบมือ
ซึ่งก็เหลือน้อยลงทุกทีๆ
ต่อมาก็คือตัวเลขต่างๆเช่น 50 mm 85 mm
35 mm หรือ 35-80 mm 70-20 mm
ตัวเลขนี้คือระยะของเลนส์
ซึ่งมาจากระยะห่างของเลนส์ กับกระจกสะท้อนภาพในตัวกล้อง
ซึ่งทำให้เราถ่ายใกล้ไกลนั่นเอง ถ้ามีแค่จำนวนเดียว คือเลนส์ฟิกซ์ แต่ถ้ามี 2
จำนวนแปลว่า เป็นเลนส์ซูมนั่นเอง เช่น 35 mm ก็คือเลนส์ตัวนี้
ถ่ายที่ระยะ 35 ตลอด ปรับไม่ได้ แต่ถ้าเป็น 35-80
หมายถึงเลนส์ตัวนี้ ปรับระยะได้ตั้งแต่ 35-80
มิล
ระยะของเลนส์จะเรียกกัน 3
ระยะ
เลนส์ไวด์
จะอยู่ต่ำกว่า 28 mm คือเลนส์มุมว้างนั่นเอง
เลนส์นอร์มอลหรือระยะธรรมดา
จะอยู่ระหว่าง 28-70
mm เพราะว่า สายตาคนเราจะอยู่ที่ 50 mm ช่วงระยะนี้เลยเป็นระยะธรรมดา
เลนส์ เทเล
คือเลนส์ที่ระยะเกิน 70 mm ขึ้นไป
พวกเลนส์ ที่ไว้ถ่ายภาพนก หรือกีฬานี่แหละเช่น 70-200 70-300 300 400 600
............................................................................................................
ตัวต่อมา ก็จะเป็นค่า f หรือรูรับแสง
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยทีเดียวโดย ตัวเลขยิ่งน้อย หมายถึงรูรับแสงกว้าง
และแน่นอนว่าราคาก็สูงตามไปด้วยโดยค่า เอฟนั้น ก็จะเหมือนกับตัวเลขระยะ ของเลนส์
คือมทั้งแบบค่าเดียว กับ สองค่า เช่น
f2.8 f1.4 f3.5-5.6 f4-5.6
ถ้าเลนส์มีค่าเดียวนั้น หมายความว่าเลนส์นี้
สามารถปรับรูรับแสงได้กว้างสุดที่ค่านั้นตลอดช่วงเลนส์เช่น 35mm
f2.8 หมายถึงเลนส์ตัวนี้ระยะที่ 35
มิล และเปิดรูรับแสงได้กว้างสุดที่ 2.8
17-55 mm f2.8 หมายถึง เลนส์นี้จะตั้งระยะที่เท่าไหร่ก็ตาม
ไม่ว่า 17 หรือ 55
ก็เปิดรูรับแสงได้กว้างสุดที่ 2.8 ตลอดช่วง
แต่ถ้ามาเป็นคู่ล่ะ เช่น 35-80 f4-.6
อันนี้จะหมายถึงว่า ที่ 35 เราจะเปิดรูรับแสงได้กว้างสุดที่ 4
แต่ถ้าเราปรับระยะไปที่ 80 เราจะปรับรูรับแสงได้กว้างสุดที่ 5.6
เท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเลนส์มาแบบนี้
AF 50mm f1.8 ก็หมายถึงเลนส์นี้เป็นเลนส์ออโต้โฟกัส
ที่ระยะ 50 ตายตัว รูรับแสงเปิดได้กว้างสุดที่ 1.8
AF 70-300 f4-5.6 ก็หมายถึงเลนส์นี้เป็นเลนส์
ออโต้โฟกัสที่ สามารถซูมได้จาก 70มิล จนถึง 300
มิล แต่ที่ 70 รูรับแสงจะเปิดได้กว้างสุดที่ 4
และที่ระยะ300 จะเปิดรูรับแสงได้มากสุดที่ 5.6
AF 70-200 f2.8
หมายถึงเลนส์นี้เป็นเลนส์ออโต้โฟกัส
ที่ซูมได้ตั้งแต่ระยะ 70
จนถึง 200
มิล
โดยทุกช่วงสามารถตั้งรูรับแสงได้กว้างสุดที่ 2.8
............................................................................................................
ส่วนเลนส์ ที่มีศัพท์ว่า ออปติคอลซูม กับ
ดิจิตอลซูมนั้น ก็คือ
ออปติคอลซูม
คือการซูมจากเลนส์โดยตรงเลย
ถ้าเป็นกล้องคอมแพ็ค เราก็จะเห็นเลนส์มันยืดออกมา
ดิจิตอลซูม
คือการซูมภาพโดยใช้ซิปของตัวกล้อง ก็เหมือนๆเราใช้คอมขยายภาพนั่นแหละ
ซึ่งทำให้บางทีถ้าขยายเกินไป ก็ทำให้ภาพแตกได้ ส่วนใหญ่กล้องมือถือจะใช้แบบนี้
ส่วนระยะคูณของเลนส์ซูมนั้น
ที่เห็นโฆษณาว่าซูมได้กี่เท่าๆ ก็คำนวณได้จากระยะของเลนส์เช่น 17-55 เราก็เอา 55 หารด้วย 17 จะเท่ากับประมาณ
3.2 ก็แปลว่าเลนส์ตัวนี้ ระยะซูมได้เท่ากับ 3.2 เท่านั่นเอง
เช่นเดียวกัน 70-300 ก็เอา 300 หารด้วย 70
ก็ได้เท่ากับว่า เลนส์ตัวนี้ระยะซูมได้ประมาณ 4.3 เท่า
ข้างบนนั้น
ถือเป็นค่ามาตรฐานของเลนส์ทุกยี่ห้อบนโลก
แต่เนื่องจากปัจจุบันนั้น มีผู้ผลิตเลนส์อยู่จำนวนมาก
ทั้งเลนส์ที่มาจากผู้ผลิตกล้อง เลนส์จากค่ายอิสระต่างๆ
ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา แต่ว่าต่างบริษัทก็มีชื่อเรียกต่างกันไป
โดยมากจะใส่มาตามหลังตัวเลขบนนั้น
...........................................................................................................
เรามาดูที่นิคอนก่อนเลยว่า มีอะไรบ้าง
D - เป็นระบบวัดแสงแบบ
3 มิติ โดยเลนส์จะส่งข้อมูลระยะห่างของวัตถุเข้าไปยังชิปในตัวกล้องด้วย
G - เป็นเลนส์ที่ไม่มีแหวนปรับรูรับแสง
ส่วนจะปรับยังไงให้ไปดูที่ AF-S
ED - เป็นเลนส์ที่ใช้ลดความเพี้ยนของภาพ
ASP - เลนส์ที่ช่วยลดความเพี้ยนของภาพแล้ว
ยังแก้ปัญหาการเกิดสีที่ขอบภาพได้อีกต่างหาก
IF - เป็นชุดโฟกัสที่อยู่ภายในเลนส์
เลนส์สมัยก่อนนั้นเวลาปรับโฟกัสแล้ว หน้าเลนส์จะมีการขยับเข้าออกอยู่ระยะสั้นๆ
แต่ถ้ามีตัวนี้แล้ว หน้าเลนส์จะไม่ขยับเลยแม้จะปรับโฟกัสแบบมือปรับก็ตาม
RF - คือชุดโฟกัสจะอยู่ด้านหลังเลนส์
จะทำให้โฟกัสรวดเร็วขึ้น ละเงียบขึ้น
AF-S - AF มาจาออโต้โฟกัสนั่นเอง
ส่วน S มาจา
Silnt wave motor ก็คือมีมอเตอร์ปรับรูรับแสงในตัว
ทำให้ปรับได้เร็วและเงียบขึ้น ใช้กับกล้องรุ่นใหม่ๆ
ที่ไม่มีมอเตอร์ปรับรูรับแสงในตัวกล้องเช่น D40X D60
VR - หรือระบบ
กันสั่นนั่นเอง ทำให้ภาพที่ถ่ายมาม้มือจะไม่นิ่งแต่ทำให้ภาพยังคมชัดได้
DX - คือเลนส์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับกล้องดิจิตอลนั่นเอง
N - เลนส์นาโน
ที่ช่วยในการลดแสงจากสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เช่นแสงไฟจากขอบภาพ
หรือแสงแดดที่แยงเข้ามา
Micro - คือเลนส์มาโครนั่นเอง
แต่นิคอนเขียนกันยังงี้
เลนส์ของ ซิกม่า (ก็อปมาจาก ไทยดี)
EX = EX Lens
เป็นรหัสเลนส์เกรดโปรของ Sigma
APO = APO
Lens เป็นชิ้นเลนส์แก้ความคลาดเคลื่อนสี
DC = DC Lens
คือเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อกล้องดิจิตอล
(เอามาใส่ Full frame ก็ได้แต่จะเป็นขอบดำช่วงวายด์)
DG = DG Lens
คือเลนส์ที่ใช้กับกล้องฟิลม์ หรือ Full frame แต่ก็ใส่กับดิจิตอลได้
OS = Optical
Stabilizer กันสั่น
IF = Inner
Focus คือเลนส์ที่มีระบบโฟกัสอยู่ภายใน
หน้าเลนส์ไม่หมุนเวลาโฟกัส
HSM =
Hyper-Sonic Motor มอเตอร์ความเร็วสูงในเลนส์ เหมือนกับ USM ของ
Canon และ
AF-S ของ
Nikon
แล้วก็ แทมร่อน
Di = เลนส์ที่ออกแบบมาให้เข้ากับกล้องดิจิตอลดีขึ้น
Di II = เลนส์ที่ออกแบบมาสำหรับกล้องดิจิตอลเท่านั้น
ใช้กับกล้องฟิล์มไม่ได้
XR = Extra
Refractive Index Lens เป็นชิ้นเลนส์พิเศษ
LD = Low
Dispersion เลนส์ความคลาดแสงต่ำ
SP = เลนส์เกรดโปรของแทมร่อน
VC = หรือชื่อเต็มๆ
Vibration Compensation เป็นระบบกันสั่นของ
Tamron
เลนส์ของแคนนอน (ก็อปมาจาก ไทยดีเช่นกัน)
EF - ใช้ได้กับฟิล์มและดิจิตอลรวมทั้งฟูลเฟรม
EF-S - ใช้ได้กับกล้องดิจิตอลเท่านั้น
เอาไปใส่ฟูเฟรม็จะเหมือนของนิคอนคือ ขอบภาพดำ
TS-E =
TILT-SHIFT Lens คือเลนส์ที่สามารถปรับสัดส่วนของภาพไม่ให้บิดเบี้ยว
L = คือหรัสเลนส์เกรดโปรของ
Canon ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
DO =
Diffractive Optical element เป็นชิ้นเลนส์เพื่อแก้อาการคลาดเคลื่อนสี
มั้ง
IS = Image
Stabilizer กันสั่น
USM =
Ultrasonic Motor มอเตออัลตราโซนิคความเร็วสูง
(ซึ่งแต่ละตัวก็จะใช้มอเตอร์ที่ไม่เหมือนกันแล้วแต่ว่ารุ่นไหน เกรดโปร
หรือเกรดธรรมดา)