หกโมงเช้า ของวันที่ 15 มิถุนายน 2556
การเดินทางด้วยสายการบินโลว์ครอส แอร์เอเชียซึ่งบุ๊คส์ตั๋วล่วงหน้ากันไว้เมื่อสองเดือนก่อนในที่สุดก็ถึงกำหนด กับช่วงเวลา 3 วัน 2 คืน หนุ่ม(เหลือน้อย) หน้ามลคนนครศรีฯ 6 คน ก็แพ็คกระเป่า (หนีเมีย) มุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่
เพื่อขึ้นเครื่องเหินฟ้าสู่เมืองเชียงใหม่
..........................................................................................................
แวะลิ้มชิมรสข้าวสตูหมู "โกม้อ" ริมทางช่วงเลี้ยวขวาขึ้นสพานป๋าเปรม
ภายในท่าอากาศยานหาดใหญ่ระหว่างการรอคอย สำหรับเที่ยวบินซึ่งจะออกเดินทาง เวลา 10.45 น.
ตรวจสภาพความพร้อม อุ่นเครื่องกับอาวุธ (กล้องถ่ายภาพ) เตรียมไว้เก็บเกี่ยว
ภาพสวยๆ เป็นบันทึกช่วยจำ
ข้าวต้มมัด "เนินขุมทอง" ความสามารถของผู้ผลิต ยกระดับขึ้นห้างเป็นของฝากจากแดนใต้ ไม่ใส่สารกันบูด (เขาว่า) ผมลองชิมดูแล้วรสชาดดีครับ
โฉมหน้าชัดๆของผู้ร่วมเดินทาง (จากซ้ายไปขวา)
1. คุณสมพร ทองบาง 2. อาจารย์อนันต์ ปัญญาวุฒิ 3. ด.ต.ฉลอง รักษาชล
4. อาจารย์ภิญโญ เพ็ชรแก้ว 5. คุณนิรัตน์ แก้วกุล
อากาศยานลำนี้แหละครับที่จะพาพวกเราเหินฟ้า
"บินลัดฟ้า...มาเหนือเมฆ"
ระยะทางร่วมพันโล สำหรับผมแล้วถือเป็นครั้งแรกกับการบินไกล (แค่เนี๊ยะ) แก้วหูลั่นเปรี๊ยะ แม่พาลูกอายุขวบกว่ายังแบเบาะ ร้องงอแงทันทีเด้กคงปวดหู
ยามที่เครื่องเหินสู่ฟ้าไต่เพดานบิน
ร่วมพันกิโลเมตร กับเวลา 1.45 ชั่วโมง
เช้ากินข้าวสตูโกม้อ หัวเขาแดง บ่ายกินแหนมเนือง ที่เชียงใหม่ หร้อยจังหู๊
เช็คอินน์โรงแรมหรู 5 ดาว Centara อ้าวผิดที่ซะนี่ รถสองแถวแดงคงนึกว่า
สองคนนี้เป็นเศรษฐีซาอุ
ชื่อโรงแรม มันฟังเพี้ยนไปครับ
ที่ใช่คือ Amora hotel อยู่ข้างคูเมือง ประตูท่าแพ
ร้านข้างโรงแรมมีจักรยานให้เช่า...แต่แบบนี้มิใช่เป้าหมาย
มันไม่สมกับมืออาชีพ เช่าไปปั่นแล้วมันจั๊กกะจี้ (สนนราคา วันละ 150 บ.)
ทัศนียภาพหน้าโรงแรม เป็นคูเมือง
ต้องยอมรับครับ กับความสะอาดสะอ้านของเมือง แม้เป็นเมืองใหญ่มีคูคลองผ่าเมือง ผมไม่เห็นขยะ ไม่เห็นน้ำเน่าเสีย ตลอดแนวเลยครับ
ผ่อนคลายบริเวณล๊อบบี้โรงแรม ก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องพัก
ที่บริเวณประตูท่าแพ เชียงใหม่ กับฝูงนกพิราบ ซึ่งน่าจะเป็นถิ่นที่คุ้นเคยของมัน การเดินเข้าไปไกล้ๆเพื่อถ่ายรูปดูท่าจะคุ้นกับคน จึงได้ภาพมีโฟกัสพอดูได้




















ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น